1050 จำนวนผู้เข้าชม |
เคยสงสัยหรือไม่ว่าประกันทั้งหมดมีกี่ชั้น? ตอนเกิดอุบัติเหตุ ทำไมรถคันนั้นถึงได้รับการคุ้มครอง แต่คันนี้ไม่ได้รับการคุ้มครอง แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะได้รับการคุ้มครองที่เท่าเทียมกันล่ะ? หรือถ้ารถประกันชั้น3 เกิดบังเอิญไปชนกับรถประกันชั้น3+ มันจะสามารถคุ้มครองได้แตกต่างกันมากมายขนาดไหน วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้ทราบกัน ถึงความแตกต่างของประกันในแต่ละชั้น และการคุ้มครองที่เราจะได้รับเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ประกันชั้น 1
แน่นอนว่าเป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองที่ดีที่สุด ตามชื่อประกันชั้น 1 ที่เราคุ้นเคยกันดี
ซึ่งครอบคลุมทุกอย่างเท่าที่จะสามารถคุ้มครองได้ ไม่ว่าจะเป็น
ชีวิตหรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอก (รถและค่ารักษา ของผู้ที่เราเผลอเฉี่ยวชน)
ความเสียหายของรถเรา ไม่ว่าจะมีคู่กรณี (เฉี่ยวชนกับรถคันอื่น)
หรือไม่มีคู่กรณี (เฉี่ยวชนกับฟุตบาทหรือเสาไฟฟ้า)
ความเสียหายต่อภัยที่ไม่คาดคิด (รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือการก่อการร้าย)
ประกันชั้น 2+
เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองคล้ายกับประกันชั้น 1 แทบทุกอย่าง แต่ต่างกันอย่างเดียวก็คือ ให้ความคุ้มครองเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดจากการเฉี่ยวชนระหว่างรถกับรถเท่านั้น ซึ่งต้องระบุคู่กรณีได้ และต้องเป็นรถที่มีป้ายทะเบียน (ไม่คุ้มครองต่อความเสียหายที่เกิดจากการเฉี่ยวชนสิ่งอื่นที่ไม่ใช่รถ เช่น เสาไฟฟ้า เป็นต้น)
ประกันชั้น 2
คล้ายกับประกันชั้น 2+ แต่ได้รับความนิยมน้อยกว่า เพราะถึงแม้จะราคาถูกกว่า 2+ และคุ้มครองครอบคลุมเกือบทุกอย่าง แต่สิ่งที่ขาดไปกลับเป็นสิ่งที่น่าจะจำเป็นมากที่สุด ก็คือการคุ้มครองรถของตัวเองขณะเฉี่ยวชน หรือถ้าจะให้พูดง่ายๆ ก็คือ ‘ซ่อมเค้า แต่ไม่ซ่อมเรานั่นเอง’
ประกันชั้น 3+
เหมือนกับประกันชั้น 2+ ที่ให้การคุ้มครองเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดจากการเฉี่ยวชนระหว่างรถกับรถเท่านั้น และยังให้ความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก (ค่ารักษาพยาบาลของคู่กรณี ค่าใช้จ่ายในการขึ้นโรงขึ้นศาล) แต่จะไม่คุ้มครองต่อความเสียหายจากภัยที่ไม่คาดคิด (ยกเว้นกรณีน้ำท่วม ในบางแพ็คเกจ)
ประกันชั้น 3
เป็นประกันที่ถูกที่สุด โดยหลักๆ จะเป็นการคุ้มครองทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เฉพาะคู่กรณีเท่านั้น แต่ไม่ได้คุ้มครองเรา รวมถึงไม่ครอบคลุมต่อภัยที่ไม่คาดคิด เช่นเดียวกับประกันชั้น 3+
ประกันชั้น 4
ประกันที่ถูกลืม และหลายคนคิดว่าไม่มี เนื่องจากไม่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าจะมีคุณบัติคล้ายกับประกันชั้น 3 ที่คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี (ไม่คุ้มครองรถเรา) แต่สิ่งที่ทำให้ประกันชั้น 4 ได้รับความนิยมน้อยกว่าก็คือเบี้ยประกัน ที่มีวงเงินแค่ 100,000 บาทเท่านั้น ซึ่งหากเกิดเฉี่ยวชนกับรถทั่วไปคงไม่เป็นไร แต่ถ้าบังเอิญเกิดอุบัติเหตุกับรถที่มีราคาค่อนข้างสูงอย่าง Mercedes Benz, BMW, หรือรถ Super Car ต่างๆ คงเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน เพราะวงเงินคงไม่ครอบคลุมแน่ๆ
ประกันชั้น 5
เป็นชื่อเรียกรวมๆ ของประกันชั้น 2+ และ 3+ ที่กล่าวไปในข้างต้น
และทั้งหมดนี้ก็คือ การคุ้มครองของประกันภัยในแต่ละชั้น ที่ให้การคุ้มครองในรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าการคุ้มครองแบบไหน จะตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตบนท้องถนนของเรามากที่สุด